การระเบิดความโกรธสู่ความประท้วงอันรุนแรง แบบเหนือความคาดหมายของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบางกลุ่มต้องบอกว่า เอาจริงมันสะสมเอาไว้นานแล้วเพิ่งจะระเบิดเอาตอนนี้เอง อย่างไรก็ตามหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตระกูลเกลเซอร์ไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่าจะเป็นเจ้าของทีมมานานแล้ว คงเป็นเรื่องแนวคิดในการมองกีฬา การทำทีมกีฬาที่แตกต่างกันมาก เรามาดูภาพคร่าวกันว่า กีฬาอเมริกัน กับ ฟุตบอลยุโรปแตกต่างกันอย่างไร
ระบบตกชั้นเลื่อนชั้น
สิ่งแรกที่แตกต่างกันแบบเห็นได้ชัดเลย เป็นเรื่องระบบการจัดการแข่งขัน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีค กับ บาสเกตบอล NBA มีจุดแตกต่างกันอย่างหนึ่งเลยก็คือ ระบบการตกชั้น เลื่อนชั้นที่บาสเกตบอล ไม่ได้มีแบบนั้น ความแตกต่างตรงนี้ถือว่าชัดเจนมาก เราคงบอกไม่ได้ว่าระบบไหนดีกว่ากัน แต่ความแตกต่างตรงนี้ก็ทำให้แนวคิดไม่เหมือนกันไปด้วย นี่ยังไม่นับการเล่นเกมลีคในยุโรป จะตัดสินจบกันในซีซั่นเลย แต่ว่าอเมริกันเกมจะแบ่งการแข่งขันลีคออกเป็นสองช่วงก็คือการแข่งขันแบบลีคพบกันหมด และการแข่งขันแบบรอบ เพลย์ออฟ ด้วยการเอาทีมครึ่งตารางบน มาตัดสินกันอีกครั้งในระบบทัวร์นาเมนต์
ฟุตบอลคือชีวิต
กีฬาในมุมมองของคนอเมริกัน แม้ว่าจะคลั่งไคล้ขนาดไหน ก็มองว่าเป็นการเล่นเพื่อความบันเทิง สนุกสนานมากกว่า ตัดภาพมาที่ฝั่งยุโรป เกมฟุตบอล มันคือชีวิต มันคือศาสนาของพวกเค้าเลย ความเข้าคลั่งไคล้เข้าเส้นมันแตกต่างกันมากพอดูเหมือนกัน การแข่งขันฟุตบอลเกมดาร์บี้แมตช์(เกมแข่งระหว่างทีมในเมืองเดียวกัน) มันเหมือนเป็นสงครามขนาดเล็กของคนในเมืองที่คิดเห็นไม่ตรงกันเลย หากใครชนะก็ได้เฮ เปรียบเสมือนผู้ชนะในซีซั่นนั่นเลยทีเดียว
ประวัติศาสตร์นอกสนาม
ต่อเนื่องมาจากข้อสอง ฟุตบอลยุโรป มันไม่ได้มีแต่ประวัติศาสตร์ในสนามเท่านั้น มันยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์นอกสนามด้วย เรียกว่า เป็นสงครามตัวแทนของเมืองที่เกิดจากสงครามในหน้าประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ อย่างเกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เราเรียกกว่า สงครามกุหลาบ นั่นแหละ ดังนั้นใครชนะฟุตบอลมันคือการชนะสงครามนั้นอีกครั้งด้วย แต่กับอเมริกันเกม อาจจะมีบ้าง แต่ความเข้มข้นน้อยกว่า