ประธานสโมสรมาร์กเซยไม่เสียใจกับการเซ็นสัญญากรีนวูด

ประธานสโมสรมาร์กเซยไม่เสียใจกับการเซ็นสัญญากรีนวูด

ประธานสโมสร มาร์กเซย (Marseille) ยืนยันไม่เสียใจกับการเซ็นสัญญา กรีนวูด (Greenwood) จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) แม้จะเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ปาโบล ลองโกเรีย (Pablo Longoria) ประธานสโมสรชาว สเปน กล่าวว่าทางสโมสรได้ “พิจารณาข้อมูลทั้งหมด” อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญากับ เมสัน กรีนวูด (Mason Greenwood) กองหน้าวัย 22 ปี

กรีนวูด (Greenwood) ย้ายออกจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด (Old Trafford) ด้วยค่าตัวสูงถึง 26.6 ล้านปอนด์ โดยเซ็นสัญญากับสโมสรจาก ฝรั่งเศส ยาวถึงปี 2029 การย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ข้อกล่าวหาร้ายแรงต่อ กรีนวูด (Greenwood) ซึ่งรวมถึงความพยายามข่มขืนและทำร้ายร่างกาย ถูกยกเลิกในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ มาร์กเซย (Marseille) ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนายกเทศมนตรีท้องถิ่น ที่เรียกการย้ายทีมครั้งนี้ว่า “ยอมรับไม่ได้”

ลองโกเรีย (Longoria) ยืนยันจุดยืนของตนที่การประชุม Thinking Football Summit โดยกล่าวว่า “ความเห็นของนายกเทศมนตรีกลับยิ่งเสริมความมั่นใจในการตัดสินใจของเรา พวกเขาไม่มีข้อมูลทั้งหมดที่เรามี เราตัดสินใจภายในองค์กร แม้จะมีเสียงคัดค้านบ้าง แต่นั่นกลับทำให้เรามีพลังมากขึ้นในการพิจารณาข้อมูลทั้งหมดอย่างรอบคอบ เพื่อตัดสินใจให้ดีที่สุด ซึ่งผมเชื่อว่าเราทำสำเร็จแล้ว”

ประธานสโมสรเผยว่าชื่อของ กรีนวูด (Greenwood) ถูกหยิบยกขึ้นมาในการสนทนาครั้งแรกกับ โรแบร์โต้ เดอ เซร์บี (Roberto de Zerbi) ผู้จัดการทีมคนใหม่ “โค้ชรู้จัก เมสัน (Mason) มาก่อน และเราเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของเขา เราใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการพูดคุยกันก่อนที่จะตัดสินใจเซ็นสัญญา ตอนนี้เขาทำตัวได้ดีมาก และเรามีความสุขที่มีเขาอยู่ในทีม” ลองโกเรีย (Longoria) กล่าว

นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม ลีก เอิง 1 (Ligue 1) กรีนวูด (Greenwood) ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยยิงไปแล้ว 5 ประตูจากการลงเล่นเพียง 3 นัด อย่างไรก็ตาม ลี คาร์สลีย์ (Lee Carsley) ผู้จัดการทีมชาติ อังกฤษ ชั่วคราว ยืนยันว่า กรีนวูด (Greenwood) “ไม่ใช่นักเตะที่เราพิจารณา” สำหรับทีมชาติ อังกฤษ ในขณะนี้ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด แทง บอล ออนไลน์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

เมื่อถูกถามถึงประเด็นนี้ ลองโกเรีย (Longoria) เลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็น โดยกล่าวว่า “ผมไม่อยากตอบคำถามแบบนั้นเพื่อเคารพทุกคน ผมชอบพูดถึงสิ่งที่ เมสัน (Mason) กำลังทำใน ฝรั่งเศส และ มาร์กเซย (Marseille) มากกว่า เรามีความสุขมากกับผลงานที่เขาทำในช่วงสัปดาห์แรก ๆ”

การย้ายทีมของ กรีนวูด (Greenwood) เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างทีมครั้งใหญ่ของ มาร์กเซย (Marseille) ภายใต้การนำของ เดอ เซร์บี (de Zerbi) ผู้จัดการทีมคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจาก ไบรท์ตัน (Brighton) ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ผลงานของ กรีนวูด (Greenwood) มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ มาร์กเซย (Marseille) เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างไม่แพ้ใคร

แม้จะมีผลงานที่ดีในสนาม แต่การย้ายทีมของ กรีนวูด (Greenwood) ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องภาพลักษณ์และความรับผิดชอบต่อสังคมของสโมสรฟุตบอล อย่างไรก็ตาม ลองโกเรีย (Longoria) และทีมงานของ มาร์กเซย (Marseille) ยังคงยืนยันว่าพวกเขาได้พิจารณาทุกแง่มุมอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ และเชื่อมั่นว่าการให้โอกาส กรีนวูด (Greenwood) กลับมาแสดงศักยภาพบนสนามฟุตบอลอีกครั้งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ในขณะที่การถกเถียงเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป ทั้ง มาร์กเซย (Marseille) และ กรีนวูด (Greenwood) ต่างมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย โดยหวังว่าผลงานในสนามจะช่วยลบเลือนข้อกังขาและความไม่พอใจที่มีต่อการย้ายทีมครั้งนี้ได้ในที่สุด

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ เมสัน กรีนวูด (Mason Greenwood) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด แทง บอล ออนไลน์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะการอุทธรณ์เรื่องการละเมิดกฎ PSR ของพรีเมียร์ลีก

เลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) ได้รับข่าวดีเมื่อชนะการอุทธรณ์กรณีข้อกล่าวหาละเมิดกฎเกี่ยวกับกำไรและความยั่งยืน (PSR) ของพรีเมียร์ลีก (Premier League) ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกหักคะแนน คณะกรรมการอิสระได้ตัดสินว่าพรีเมียร์ลีกไม่มีอำนาจในการลงโทษสโมสร ส่งผลให้เลสเตอร์ไม่ต้องรับโทษดังกล่าว

พรีเมียร์ลีกออกแถลงการณ์ผ่านเว็ปไซต์ sbobetมือถือ ว่า “รู้สึกประหลาดใจและผิดหวัง” ต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการ ขณะที่เลสเตอร์ ซิตี้ได้ระบุว่าพวกเขาเพียงต้องการให้แน่ใจว่ากฎที่ใช้ถูกบังคับตามที่เขียนไว้จริง ๆ

ข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้นเนื่องจากเลสเตอร์ ซิตี้ ถูกพบว่ามีการใช้จ่ายเกินกว่าที่กฎ PSR กำหนด แต่พวกเขาได้ยื่นอุทธรณ์และยืนยันว่าพรีเมียร์ลีกไม่มีอำนาจในการตั้งข้อกล่าวหานี้เนื่องจากพวกเขาได้ย้ายไปเล่นในลีกฟุตบอลอังกฤษ (EFL) ในขณะที่ข้อกล่าวหานี้ถูกยื่น

ข้อกล่าวหาและการอุทธรณ์

ตามกฎ PSR ของพรีเมียร์ลีก สโมสรไม่สามารถขาดทุนเกิน 105 ล้านปอนด์ในช่วงเวลา 3 ฤดูกาล ข้อกล่าวหาที่เลสเตอร์ได้รับเกี่ยวข้องกับช่วงเวลา 3 ปีที่สิ้นสุดลงในฤดูกาล 2022-23 ซึ่งเป็นช่วงที่เลสเตอร์ ซิตี้ยังเป็นสมาชิกของพรีเมียร์ลีก แต่หลังจากฤดูกาลนั้นจบลง สโมสรได้ตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพและยื่นบัญชีของพวกเขาหลังจากที่เลิกเป็นสมาชิกของพรีเมียร์ลีกแล้ว ซึ่งทำให้เกิดข้อโต้แย้งว่าพวกเขาไม่ควรต้องรับผิดชอบต่อกฎของพรีเมียร์ลีก

คณะกรรมการอิสระได้ตัดสินว่าเลสเตอร์ ซิตี้ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎ PSR เมื่อมีการคำนวณ ดังนั้นจึงไม่ควรได้รับโทษใด ๆ ในส่วนนี้ การตัดสินใจนี้ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ พ้นจากการถูกลงโทษที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานะของพวกเขาในฤดูกาลนี้

ผลกระทบต่อกฎ PSR ของพรีเมียร์ลีก

การตัดสินใจของคณะกรรมการอิสระนี้สร้างความกังวลให้กับพรีเมียร์ลีก เนื่องจากมันเปิดช่องโหว่ให้กับสโมสรอื่น ๆ ที่อาจละเมิดกฎ PSR ได้เช่นกัน โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อข้อกล่าวหานี้ในกรณีที่สโมสรย้ายออกจากพรีเมียร์ลีกในระหว่างการตรวจสอบ

พรีเมียร์ลีกได้ตั้งข้อสงสัยต่อคำตัดสินและระบุว่ามันไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของกฎ และยืนยันว่าพวกเขาจะพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถบังคับใช้กฎได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาหลักการของความยุติธรรม

แม้จะมีโอกาสน้อยที่พรีเมียร์ลีกจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้ เนื่องจากต้องพิสูจน์ในระดับสูง แต่กฎบางข้ออาจถูกเขียนใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับเลสเตอร์ ซิตี้ การชนะการอุทธรณ์ครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จใหญ่ภายนอกสนาม พวกเขาไม่ต้องเผชิญกับการถูกหักคะแนน ซึ่งอาจเป็นผลกระทบใหญ่ต่อสถานะของพวกเขาในฤดูกาลนี้ หลังจากที่เก็บได้เพียง 1 คะแนนจาก 3 นัดแรก การมุ่งเน้นตอนนี้จะเป็นเรื่องของการพัฒนาฟอร์มการเล่นในสนามเพื่อให้กลับมาทำผลงานได้ดีในอนาคต

บทสรุป

จากการรายงานของเว็ป sbobetมือถือ พูดถึงการที่เลสเตอร์ชนะการอุทธรณ์ครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเลสเตอร์ ซิตี้ ในการปกป้องสิทธิ์ของตนเองในระบบการแข่งขันที่ซับซ้อนของพรีเมียร์ลีก แม้ว่าพวกเขาจะถูกกล่าวหาว่าใช้ช่องโหว่ แต่สโมสรยืนยันว่าพวกเขาเพียงแค่ต้องการให้กฎถูกบังคับใช้ตามที่เขียนไว้จริง ๆ เพื่อความเป็นธรรมในระบบการแข่งขัน ทั้งนี้พรีเมียร์ลีกอาจต้องพิจารณาปรับปรุงกฎของตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต

วูล์ฟส์ใกล้บรรลุข้อตกลงมูลค่า 21 ล้านปอนด์สำหรับกองกลางทีมชาติบราซิล อันเดร

วูล์ฟส์ใกล้บรรลุข้อตกลงมูลค่า 21 ล้านปอนด์สำหรับกองกลางทีมชาติบราซิล อันเดร

สโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจาซื้อตัว อังเดร (Andre) กองกลางทีมชาติ บราซิล วัย 23 ปี จากสโมสร ฟลูมิเนนเซ ด้วยค่าตัวรวม 21 ล้านปอนด์ โดยแบ่งเป็นค่าตัวเบื้องต้น 18.5 ล้านปอนด์ และอาจเพิ่มขึ้นอีกสูงสุด 2.5 ล้านปอนด์ จากเงื่อนไขเพิ่มเติม

อังเดร (Andre) เพิ่งคว้าแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาโดเรส ซึ่งเป็นรายการแข่งขันที่เทียบเท่า แชมเปียนส์ ลีก ของทวีป อเมริกาใต้ กับ ฟลูมิเนนเซ ในปี 2023 และเขาได้เปิดเผยต่อสาธารณะว่ามีความสนใจที่จะย้ายมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ก่อนหน้านี้ อังเดร (Andre) เกือบจะได้ย้ายไปร่วมทีม ฟูแล่ม แต่ดีลดังกล่าวล่มในช่วงต้นของตลาดซื้อขายนักเตะ การย้ายทีมครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสครั้งที่สองของเขาในการได้มาเล่นใน อังกฤษ

หาก วูล์ฟส์ สามารถปิดดีลนี้ได้สำเร็จ อังเดร (Andre) จะกลายเป็นนักเตะคนที่ 6 ที่ย้ายเข้ามาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยก่อนหน้านี้ สโมสรได้คว้าตัว ทอมมี่ ดอยล์ (Tommy Doyle) กองกลางทีมชาติ อังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี, โรดริโก โกเมส (Rodrigo Gomes) ปีกชาว โปรตุเกส, เปโดร ลิมา (Pedro Lima) กองหลังชาว บราซิล และ ยอร์เกน สตรานด์ ลาร์เซน (Jorgen Strand Larsen) กองหน้าทีมชาติ นอร์เวย์ ที่ยืมตัวมาจาก เซลตา บีโก และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด sbobet สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

การเสริมทัพครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ วูล์ฟส์ เนื่องจากพวกเขาเพิ่งพ่ายแพ้ในสองนัดแรกของฤดูกาลใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมล่าสุดที่พ่ายคาบ้านให้กับ เชลซี ด้วยสกอร์ 2-6 ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ที่หนักหนาสาหัส

ผู้จัดการทีม แกรี่ โอนีล (Gary O’Neil) จำเป็นต้องเร่งปรับปรุงทีมโดยด่วน โดยเฉพาะในแดนกลางที่ยังขาดความแข็งแกร่งและประสบการณ์ การเซ็นสัญญากับ อังเดร (Andre) จึงอาจเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้

อังเดร (Andre) เป็นกองกลางที่มีพรสวรรค์สูง เขามีทักษะการครองบอลที่ยอดเยี่ยม วิสัยทัศน์ในการเล่นที่กว้างไกล และความสามารถในการสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม นอกจากนี้ เขายังมีความแข็งแกร่งในการเข้าปะทะและการยึดพื้นที่ในแดนกลาง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ วูล์ฟส์ กำลังต้องการอย่างมาก

การย้ายทีมครั้งนี้ยังอาจส่งผลดีต่อตัว อังเดร (Andre) เองด้วย เนื่องจาก พรีเมียร์ลีก เป็นลีกที่มีความท้าทายสูงและเป็นเวทีที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาฝีเท้าของเขา การได้เล่นในลีกระดับสูงของ อังกฤษ ยังอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการติดทีมชาติ บราซิล ชุดใหญ่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม วูล์ฟส์ จำเป็นต้องเร่งปิดดีลนี้ให้เร็วที่สุด เนื่องจากพวกเขามีเกมสำคัญรออยู่ในวันเสาร์ที่ 2 กันยายน เวลา 15:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (BST) โดยจะต้องเดินทางไปเยือน น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่สนาม ซิตี้ กราวด์ หาก อังเดร (Andre) สามารถย้ายทีมได้ทันเวลา เขาอาจมีโอกาสได้ลงสนามในเกมนี้ทันที

การเสริมทัพครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ วูล์ฟส์ ในการปรับปรุงทีมและพยายามหลีกเลี่ยงการตกชั้น พวกเขาหวังว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยยกระดับการเล่นของทีมและนำมาซึ่งผลการแข่งขันที่ดีขึ้นในเกมที่เหลือของฤดูกาล

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ วูล์ฟแฮมป์ตัน มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด sbobet สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

ตลาดนักเตะซัมเมอร์: ใครจะย้ายทีมในนาทีสุดท้าย?

ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย แต่การย้ายทีมของนักเตะชื่อดังยังคงเป็นประเด็นร้อนที่แฟนบอลต้องจับตามอง หลายสโมสรใหญ่ในพรีเมียร์ลีกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และนักเตะหลายคนอาจเปลี่ยนสีเสื้อในอีกไม่กี่วันข้างหน้า วันนี้ sbobetonline24 เว็ปข่าวสารกีฬาและ วิธีแทงบอลออนไลน์ ได้สรุปข้อมูลมาให้แล้ว

ราฮีม สเตอร์ลิง อนาคตที่ไม่แน่นอนกับเชลซี

ราฮีม สเตอร์ลิง (Raheem Sterling) ปีกตัวเก่งของเชลซี อาจเป็นหนึ่งในนักเตะที่กำลังพิจารณาย้ายทีม หลังจากที่ถูกตัดชื่อออกจากเกมเปิดฤดูกาลของเชลซีที่พบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา การขาดชื่อของเขาจากทีมตามมาด้วยคำถามจากตัวแทนของสเตอร์ลิงที่ต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของเขาที่สโมสร

ในวัย 29 ปี สเตอร์ลิงยังคงเป็นนักเตะที่หลายสโมสรต้องการ ซึ่งมีข่าวลือว่าเวสต์แฮมและคริสตัล พาเลซได้เริ่มแสดงความสนใจในการดึงตัวเขาไปร่วมทีม สเตอร์ลิงลงสนามให้เชลซีไปแล้ว 81 นัดนับตั้งแต่ย้ายมาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ในเดือนกรกฎาคม 2022

สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนที่สแตมฟอร์ด บริดจ์

เชลซี (Chelsea) เป็นหนึ่งในทีมที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ โดยพวกเขาใช้เงินไปกว่า 185 ล้านปอนด์ในการเซ็นสัญญานักเตะใหม่ 11 คน ซึ่งทำให้โค้ช เอ็นโซ มาเรสก้า (Enzo Maresca) ต้องบริหารจัดการทีมที่มีนักเตะระดับซีเนียร์มากกว่า 40 คน

คอเนอร์ กัลลาเกอร์ (Conor Gallagher) เป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกมองว่าอาจย้ายออกจากทีมเชลซี แม้ว่าการย้ายไปแอตเลติโก มาดริด (Atlético Madrid) จะยังคงถูกพักไว้ ในขณะที่เบน ชิลเวลล์ (Ben Chilwell) ซึ่งไม่ได้ลงสนามในเกมเปิดฤดูกาล ก็มีความเป็นไปได้ที่จะย้ายออกเช่นกัน นักเตะเชลซีคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ลงสนามได้แก่ เทรโวห์ ชาโลบาห์ (Trevoh Chalobah) และโนนี่ มาดูเอเก้ (Noni Madueke) ทำให้เชลซีอาจต้องมีการขายนักเตะจำนวนมากเพื่อกฏการเงินทีมก่อนที่ตลาดนักเตะจะปิดตัวลง

อิวาน โทนี่ย์ และการย้ายทีมที่กำลังใกล้เข้ามา

อิวาน โทนี่ย์ (Ivan Toney) กองหน้าตัวเก่งของเบรนท์ฟอร์ด (Brentford) อาจย้ายออกจากทีมในเร็วๆ นี้ หลังจากที่ทีมซาอุดิอาระเบีย อัล-อาห์ลี ได้ยื่นข้อเสนอ 35 ล้านปอนด์ให้กับเบรนท์ฟอร์ดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ถูกปฏิเสธไป โทมัส แฟรงค์ โค้ชของเบรนท์ฟอร์ด ได้ยอมรับว่ามีโอกาสสูงที่โทนี่ย์จะย้ายทีมในซัมเมอร์นี้

มาร์ค เกฮี และโจ โกเมซ: เป้าหมายที่นิวคาสเซิล

นิวคาสเซิล (Newcastle) กำลังมองหากองหลังรายใหม่ และมาร์ค เกฮี (Marc Guéhi)จากคริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) ก็เป็นเป้าหมายสำคัญ พาเลซได้ปฏิเสธข้อเสนอจากนิวคาสเซิลถึงสามครั้ง โดยข้อเสนอสุดท้ายอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านปอนด์ ถ้านิวคาสเซิลไม่สามารถดึงตัวเกฮีมาร่วมทีมได้ โจ โกเมซ (Joe Gomez)  จากลิเวอร์พูล(Liverpool)ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

มิเกล เมริโน่: เสริมทัพอาร์เซน่อล

ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล (Arsenal) กำลังอยู่ในระหว่างการพูดคุยเจรจากับเรอัล โซเซียดัด (Real Sociedad)ในการเซ็นสัญญากับมิดฟิลด์ชาวสเปน มิเกล เมริโน่ (Mikel Merino) ที่เป็นส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์ยูโร 2024 ของทีมชาติสเปน การเจรจานี้อาจสำเร็จในอีกไม่ช้า เนื่องจากเมริโน่เหลือสัญญากับโซเซียดัดไม่ถึงหนึ่งปี

ตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ยังไม่จบ และการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นในช่วงนาทีสุดท้าย เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการย้ายทีมที่อาจเกิดขึ้นอีกมากมาย หากต้องการทราบ วิธีแทงบอลออนไลน์ สามารถอ่านได้ที่sbobetonline24

 

เบรนท์ฟอร์ด คว้าตัว ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ปีกดาวรุ่งวัย 21 ปีจาก ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวรวมสูงถึง 27.5 ล้านปอนด์

เบรนท์ฟอร์ด สร้างความฮือฮาในตลาดซื้อขายนักเตะ ด้วยการคว้าตัว ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ (Fabio Carvalho) ปีกดาวรุ่งวัย 21 ปีจาก ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวรวมสูงถึง 27.5 ล้านปอนด์ รวมโบนัส การย้ายทีมครั้งนี้นับเป็นการเสริมทัพครั้งสำคัญของทีม “เดอะ บีส์” ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ฤดูกาลใหม่ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

คาร์วัลโญ่ (Carvalho) เซ็นสัญญากับ เบรนท์ฟอร์ด เป็นเวลา 5 ปี พร้อมออปชั่นขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปี สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของสโมสรที่มีต่อศักยภาพของนักเตะรายนี้ ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล จะได้รับค่าตัวเบื้องต้น 22.5 ล้านปอนด์ และได้เจรจาเงื่อนไขส่วนแบ่งการขายต่อ 17.5% ซึ่งอาจทำให้ “หงส์แดง” ได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมในอนาคตหากคาร์วัลโญ่ (Carvalho) ถูกขายต่อด้วยราคาที่สูงขึ้น

น่าสนใจไม่น้อยที่ ฟูแล่ม อดีตต้นสังกัดของ คาร์วัลโญ่ (Carvalho) ก่อนย้ายไป ลิเวอร์พูล ในปี 2022 จะได้รับส่วนแบ่ง 20% ของกำไรจากการย้ายทีมครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของข้อตกลงในการซื้อขายนักเตะระดับสูง และการวางแผนระยะยาวของสโมสรในการรักษาผลประโยชน์จากนักเตะที่พวกเขาเคยพัฒนา และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด sbo สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

การคว้าตัว คาร์วัลโญ่ (Carvalho) ของ เบรนท์ฟอร์ด ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องเอาชนะการแข่งขันจาก เซาแธมป์ตัน ทีมใน แชมเปี้ยนชิพ ที่เคยยื่นข้อเสนอ 15 ล้านปอนด์แต่ถูก ลิเวอร์พูล ปฏิเสธ การที่ เบรนท์ฟอร์ด สามารถเสนอค่าตัวที่สูงกว่าและโน้มน้าวให้ คาร์วัลโญ่ (Carvalho) เลือกย้ายมาร่วมทีม แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานและศักยภาพทางการเงินของสโมสรที่กำลังเติบโตใน พรีเมียร์ลีก

ย้อนกลับไปมองประวัติของ คาร์วัลโญ่ (Carvalho) กับ ลิเวอร์พูล เขาเคยถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งที่มีอนาคตไกล แต่กลับประสบปัญหาในการสร้างผลงานที่แอนฟิลด์ โดยทำได้เพียง 3 ประตูจาก 21 นัดในทุกรายการ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการแข่งขันที่สูงในทีมและความกดดันที่มาพร้อมกับการเล่นให้สโมสรระดับท็อปของ อังกฤษ

ในความพยายามที่จะพัฒนาฝีเท้าและได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้น คาร์วัลโญ่ (Carvalho) ถูกปล่อยยืมตัวไปอยู่กับ อาร์บี ไลป์ซิก ทีมดังใน บุนเดสลีกา เยอรมนี เมื่อต้นฤดูกาล 2023-24 แต่โชคร้ายที่เขาไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ และส่วนใหญ่ต้องนั่งสำรอง ทำให้ต้องกลับมา ลิเวอร์พูล ในเดือนธันวาคม ก่อนจะถูกปล่อยยืมตัวอีกครั้งให้กับ ฮัลล์ ซิตี้ ทีมใน แชมเปี้ยนชิพ

การย้ายไปอยู่กับ ฮัลล์ ซิตี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในฤดูกาลของ คาร์วัลโญ่ (Carvalho) เขาแจ้งเกิดอย่างสวยงามด้วยการทำ 9 ประตูจาก 20 เกม แม้ว่าทีม “เดอะ ไทเกอร์ส” จะพลาดโอกาสเข้ารอบเพลย์ออฟอย่างหวุดหวิด แต่ฟอร์มอันร้อนแรงของเขาก็ไม่ได้ผ่านสายตาทีมใน พรีเมียร์ลีก ไปได้

การย้ายมาร่วมทีม เบรนท์ฟอร์ด อาจเป็นโอกาสทองของ คาร์วัลโญ่ (Carvalho) ในการพิสูจน์ตัวเองใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ภายใต้การนำของ โทมัส แฟรงค์ (Thomas Frank) ผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียงในการพัฒนานักเตะดาวรุ่ง เบรนท์ฟอร์ด อาจเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับ คาร์วัลโญ่ (Carvalho) ในการเติบโตและแสดงศักยภาพที่แท้จริงของเขา

การย้ายทีมครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างอำนาจของฟุตบอล อังกฤษ ทีมอย่าง เบรนท์ฟอร์ด ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาใน พรีเมียร์ลีก ไม่กี่ปี สามารถแข่งขันในตลาดซื้อขายนักเตะและดึงดูดผู้เล่นที่มีความสามารถจากทีมยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล ได้ นี่อาจเป็นสัญญาณของการกระจายอำนาจและโอกาสที่มากขึ้นสำหรับทีมขนาดกลางในการสร้างความสำเร็จในลีกสูงสุดของ อังกฤษ

ในท้ายที่สุด การย้ายทีมของ คาร์วัลโญ่ (Carvalho) ไป เบรนท์ฟอร์ด เป็นการเดิมพันที่น่าสนใจสำหรับทุกฝ่าย ทั้งนักเตะที่ต้องการพิสูจน์ตัวเอง สโมสรที่ต้องการยกระดับทีม และแฟนบอลที่จะได้เห็นการพัฒนาของดาวรุ่งรายนี้ในฤดูกาลที่จะมาถึง

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ (Fabio Carvalho) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด sbo สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

มอริซิโอ โปเช็ตติโน่ กลายเป็นเป้าหมายหลักของทีมชาติสหรัฐฯ

มอริซิโอ โปเช็ตติโน่ (Mauricio Pochettino) กลายเป็นเป้าหมายหลักของทีมชาติสหรัฐฯ

โค้ชชาวอาร์เจนตินา มอริซิโอ โปเช็ตติโน่ (Mauricio Pochettino) ได้กลายเป็นหนึ่งใน “เป้าหมายหลัก” สำหรับตำแหน่งผู้จัดการทีมฟุตบอลชายทีมชาติสหรัฐฯ ตามรายงานของ The Athletic สหพันธ์ฟุตบอลสหรัฐฯ กำลังมองหาผู้ที่จะมาแทนที่ เกร็ก เบอร์ฮัลเทอร์ และกำลังพิจารณาผู้สมัครหลายคน แต่โปเช็ตติโน่ถือเป็นตัวเต็งและกำลังมีการเจรจากับตัวแทนของเขา คืนนี้อย่าลืมติดตาม ฟุตบอลชาย โอลิมปิก 2024 นัดชิงเหรียญทอง

ประวัติการเริ่มต้น

โปเช็ตติโน่เกิดในปี 1972 และเริ่มต้นอาชีพฟุตบอลที่สโมสร นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ (Newell’s Old Boys) ในเมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา ที่ซึ่งเขาได้แชมป์ลีกอาร์เจนตินาเมื่ออายุเพียง 18 ปี ภายใต้การฝึกสอนของ มาร์เซโล บิเอลซา ในปี 1994 เขาย้ายไปยุโรปและเล่นให้กับสโมสรเอสปันญ่อล, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และบอร์กโดซ์ ก่อนจะกลับมาที่เอสปันญ่อลอีกครั้ง

เส้นทางโค้ช

โปเช็ตติโน่เริ่มต้นอาชีพโค้ชที่เอสปันญ่อล ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาจบอาชีพนักฟุตบอลในปี 2006 หลังจากสามฤดูกาลครึ่งที่มีความหวังที่เอสปันญ่อล โปเช็ตติโน่ได้เข้าร่วมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยเริ่มต้นที่เซาแธมป์ตันก่อนจะเซ็นสัญญากับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งเขาคุมทีมตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2019 ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดของสโมสรในประวัติศาสตร์ล่าสุด ในยุคของเขาที่ท็อตแน่ม โปเช็ตติโน่พาทีมคว้าอันดับสองในพรีเมียร์ลีกในปี 2017 และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในปี 2019 แม้ว่าทีมจะแพ้ให้กับลิเวอร์พูล

ช่วงเวลาสุดท้ายในยุโรป

หลังจากสิ้นสุดเวลาที่ท็อตแน่ม โปเช็ตติโน่ได้เข้ามาแทนที่ โธมัส ทูเคิล ที่ปารีส แซงต์-แชร์กแมงในเดือนมกราคม 2021 ซึ่งเขาคุมทีมจนถึงฤดูร้อนปี 2022 ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่คว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในฐานะโค้ช หนึ่งปีต่อมาเขากลับมาคุมทีมในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง โดยได้รับการเรียกตัวจากเชลซีในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 แม้ว่าช่วงท้ายฤดูกาลจะเป็นบวก แต่เชลซีก็ไม่สามารถคว้าโควต้าลงเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้ และสโมสรอังกฤษได้ตัดสินใจเปลี่ยนโค้ช

สไตล์การเล่น

โปเช็ตติโน่เป็นโค้ชที่มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนแทคติกตามผู้เล่นที่เขามีอยู่ ซึ่งทำให้เขาใช้ทั้งระบบแผงหลังสามหรือสี่คนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ต้องการ ในช่วงเวลาที่เชลซี เขามักจะใช้ระบบ 4-2-3-1 แต่ก็เปลี่ยนมาใช้ 3-4-2-1 ในช่วงท้ายของฤดูกาล นอกจากระบบแทคติกแล้ว โปเช็ตติโน่ยังสามารถนำเสนอฟุตบอลที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะเมื่อเขาคุมท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

ฟุตบอลชาย โอลิมปิก 2024 ระหว่าง ทีมชาติฝรั่งเศล กับ ทีมชาติสเปน จะฟาดแข้งวันนี้เวลา 23.00 ตามเวลาประเทศไทย

 

กีฬาอเมริกัน กับ ฟุตบอลยุโรป แตกต่างกันตรงไหน

กีฬาอเมริกัน กับ ฟุตบอลยุโรป แตกต่างกันตรงไหน

การระเบิดความโกรธสู่ความประท้วงอันรุนแรง แบบเหนือความคาดหมายของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบางกลุ่มต้องบอกว่า เอาจริงมันสะสมเอาไว้นานแล้วเพิ่งจะระเบิดเอาตอนนี้เอง อย่างไรก็ตามหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตระกูลเกลเซอร์ไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่าจะเป็นเจ้าของทีมมานานแล้ว คงเป็นเรื่องแนวคิดในการมองกีฬา การทำทีมกีฬาที่แตกต่างกันมาก เรามาดูภาพคร่าวกันว่า กีฬาอเมริกัน กับ ฟุตบอลยุโรปแตกต่างกันอย่างไร

ระบบตกชั้นเลื่อนชั้น

สิ่งแรกที่แตกต่างกันแบบเห็นได้ชัดเลย เป็นเรื่องระบบการจัดการแข่งขัน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีค กับ บาสเกตบอล NBA มีจุดแตกต่างกันอย่างหนึ่งเลยก็คือ ระบบการตกชั้น เลื่อนชั้นที่บาสเกตบอล ไม่ได้มีแบบนั้น ความแตกต่างตรงนี้ถือว่าชัดเจนมาก เราคงบอกไม่ได้ว่าระบบไหนดีกว่ากัน แต่ความแตกต่างตรงนี้ก็ทำให้แนวคิดไม่เหมือนกันไปด้วย นี่ยังไม่นับการเล่นเกมลีคในยุโรป จะตัดสินจบกันในซีซั่นเลย แต่ว่าอเมริกันเกมจะแบ่งการแข่งขันลีคออกเป็นสองช่วงก็คือการแข่งขันแบบลีคพบกันหมด และการแข่งขันแบบรอบ เพลย์ออฟ ด้วยการเอาทีมครึ่งตารางบน มาตัดสินกันอีกครั้งในระบบทัวร์นาเมนต์

ฟุตบอลคือชีวิต

กีฬาในมุมมองของคนอเมริกัน แม้ว่าจะคลั่งไคล้ขนาดไหน ก็มองว่าเป็นการเล่นเพื่อความบันเทิง สนุกสนานมากกว่า ตัดภาพมาที่ฝั่งยุโรป เกมฟุตบอล มันคือชีวิต มันคือศาสนาของพวกเค้าเลย ความเข้าคลั่งไคล้เข้าเส้นมันแตกต่างกันมากพอดูเหมือนกัน การแข่งขันฟุตบอลเกมดาร์บี้แมตช์(เกมแข่งระหว่างทีมในเมืองเดียวกัน) มันเหมือนเป็นสงครามขนาดเล็กของคนในเมืองที่คิดเห็นไม่ตรงกันเลย หากใครชนะก็ได้เฮ เปรียบเสมือนผู้ชนะในซีซั่นนั่นเลยทีเดียว

ประวัติศาสตร์นอกสนาม

ต่อเนื่องมาจากข้อสอง ฟุตบอลยุโรป มันไม่ได้มีแต่ประวัติศาสตร์ในสนามเท่านั้น มันยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์นอกสนามด้วย เรียกว่า เป็นสงครามตัวแทนของเมืองที่เกิดจากสงครามในหน้าประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ อย่างเกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เราเรียกกว่า สงครามกุหลาบ นั่นแหละ ดังนั้นใครชนะฟุตบอลมันคือการชนะสงครามนั้นอีกครั้งด้วย แต่กับอเมริกันเกม อาจจะมีบ้าง แต่ความเข้มข้นน้อยกว่า

วิเคราะห์สาเหตุ ทำไมลิเวอร์พูลต้องซื้อหลังใหม่

วิเคราะห์สาเหตุ ทำไมลิเวอร์พูลต้องซื้อหลังใหม่

การเสียเวอร์กิล ฟานไดค์ ไปจากเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ แน่นอนว่าแฟนเดอะค็อป คงคิดไปทางเดียวกันว่า พวกเค้าต้องมองหากองหลังคนใหม่เข้ามาสู่ทีมแบบไม่มีทางเลือก แม้ว่าการซื้อนักเตะในสถานการณ์บังคับแบบนี้จะเกิดการโดนโก่งราคา ย้อมแมวขาย และอีกมากมาย อย่างไรก็ตามเรามาวิเคราะห์กันเน้นๆอีกทีว่าทำไมลิเวอร์พูลต้องซื้อกองหลัง เซนเตอร์แบ็คคนใหม่เข้าสู่ทีม

กว่าจะหายอีกนานมาก

แม้ว่า เวอร์กิล ฟานไดค์ จะเป็นกองหลังที่ถือว่าเป็นยอดมนุษย์ ในซีซั่นที่แล้ว จะเวอร์ กิล ฟานไดค์ ลงสนามในลีคทุกเกม 38 นัดเต็ม ทีนี้มาซีซั่นนี้ การเจออาการนี้เข้าไป บอกเลยว่านานมาก เอาแค่คร่าวต้องใช้เวลา 10-12 เดือนเป็นอย่างน้อย นี่คืออาการหายขาดนะ ยังไม่นับช่วงเวลาฟื้นฟูให้กลับมาเตะฟุตบอลได้อีก ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 เดือน เป็นอย่างน้อย เบ็ดเสร็จ กว่าจะได้เห็น เวอร์กิล ฟาน ไดค์ อีกทีก็ปีหน้าเลย อันนี้ประเมินแบบโลกสวยนะ ไม่นับว่าเจ็บซ้ำ และหายช้าอีก

กองหลังมีน้อยเกินไป

เมื่อ ฟาน ไดค์ เจ็บไป มาดูกันว่า พวกเค้าเหลือใครกันบ้าง ตามรายชื่อ พวกเค้าเหลือผู้เล่นในตำแหน่งนี้สองคน ก็คือ โจ โกเมส และ โจเอล มาติป เป็นสองผู้เล่นหลักที่ปกติจะสลับกันลงมาเล่นคู่กับ ฟานไดค์ ส่วนอีกคนแม้ไม่ใช่กองหลังอาชีพโดยตำแหน่งแต่ก็สามารถลงมาช่วยได้ ก็คือ ฟาบินโญ่ ดังนั้นจากตรงนี้เท่ากับว่า ลิเวอร์พูลมีกองหลังตำแหน่งนี้อีก 3 คนเท่านั้นเอง แล้วถ้าหากมีใครเจ็บหรือแบนไปอีก เท่ากับว่าพวกเค้าเหลือเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น ต้องไปดันดาวรุ่งขึ้นมาเล่นช่วย ซึ่งมันคงไม่ดีแน่ จึงไม่แปลกที่จะต้องซื้อคนใหม่เข้ามา

เริ่มหา ฟานไดค์ รุ่น 2

อาการบาดเจ็บของนักเตะ พอหายแล้ว ส่วนใหญ่ขอเรียนตามตรงว่า ไม่เหมือนเดิม ดังนั้นหากจะให้ดี ลิเวอร์พูล คงต้องเริ่มกระบวนการมองหา กองหลังที่เก่งแบบฟานไดค์อีกครั้งในรุ่นที่สอง อย่าลืมว่าการซื้อนักเตะก็เหมือนซื้อหวย กว่าจะถูกเล่นดี ก็ต้องใช้การเดามาหลายครั้งเหมือนกัน พวกเค้าต้องเริ่มมองหา ซื้อตั้งแต่ตอนนี้เลย

การบ้านของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

การบ้านของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เราเชื่อว่าตอนนี้กระแสฟุตบอลกำลังไปในทิศทางการติดตามสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่ของทวีปทั้งฟุตบอลยูโร 2020 ที่กำลังเข้าแข่งขันกันอย่างร้อนแรง อีกฟากหนึ่งจะเป็นฟุตบอลโคปปาอเมริกา ที่ก็บดเบียดกันมากทีเดียว แต่ฟุตบอลสโมสรเองก็ต้องเดินหน้าทำการบ้าน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนาทีมกันด้วยเช่นกัน เราไปดูการบ้านของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กันก่อนว่า พวกเค้าต้องทำอะไรบ้าง

เคลียร์ อนาคต ป็อกบา

ถือว่าเป็นเรื่องที่คาราคาซังมาตลอดทั้งซีซั่นทีเดียวสำหรับอนาคตของ ปอล ป็อกบา ที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรแน่ ตัวนักเตะเองก็เหมือนไม่ได้ออกสัญญาณอะไรชัดเจนว่าอยากอยู่ต่อ แถมมีโอกาสจะขออยู่ต่อเพื่อรอย้ายฟรีอีกด้วย นั่นทำให้ทีมต้องเคลียร์ให้ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร จะต่อหรือไม่ต่อ หากไม่ต่อก็คงต้องยอมตัดใจขายถูกไปเลยแม้จะขาดทุนก็ยังดีกว่าเสียฟรี แล้วรีบไปหานักเตะคนอื่นมาทดแทน

ราฟาเอล วาราน

ตำแหน่งที่มีปัญหามาตลอดจนแฟนบอลอยากเห็นแก้ไขสักที เป็นคู่หูของ แฮร์รี่ แมกไกรว์ แม้ว่าลินเดอเลิฟ จะไม่ได้แย่ แต่หากจะหวังแชมป์ต้องดีกว่านี้ คิดภาพที่คู่เซนเตอร์แชมป์ลีคเป็น รูเบน ดิอาส บวก จอห์น สโตน แมนยูต้องหาคู่เซนเตอร์ที่ดีใกล้เคียงกันให้ได้ แน่นอนว่าตอนนี้ข่าวเทไปทางการตามล่า ราฟาเอล วาราน เซนเตอร์แบ็คจากรีล มาดริด ที่เจ้าตัวอยากออกจากทีมเพื่อหาความท้าทายใหม่ หากไม่โดนปารีส ฉกไปเสียก่อน คนนี้ต้องทุ่มซื้อให้ได้เท่านั้น แล้วปล่อยตัวเซนเตอร์แบ็คเบอร์รองๆลงไปเพื่อเคลียร์ที่ว่างให้ดาวรุ่ง หรือ ตัวอะไหล่ขึ้นมาทดแทน

ผู้รักษาประตู

การบ้านข้อต่อไป เป็นเรื่องที่แฟนบอลก็รอดูเหมือนกันว่าจะจบอย่างไรนั่นก็คือ ผู้รักษาประตู ที่ตอนนี้วุ่นตั้งแต่มือหนึ่งถึงมือสามเลย เดเคอา กับ ดีน เฮนเดอร์สัน ก็ไม่รู้ใครจะมือหนึ่งมือสอง แล้วใครจะต้องไป ส่วนเซร์คิโอ โรเมโร่ไปแน่นอน แต่ก็ยังขายไม่ได้ เกิดขายไม่ออกอีก ก็ไม่รู้จะเก็บไว้ยังไง ไหนจะบทบาทของ ทอม ฮีตัน ที่เซ็นเข้ามาอีก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานสำคัญของ โซลชาร์ ต้องจัดการให้ชัดเจนก่อนขึ้นซีซั่นใหม่ให้ได้

สถิติน่าสนใจเกม UCL รอบแบ่งกลุ่ม

สถิติน่าสนใจเกม UCL รอบแบ่งกลุ่ม

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ เกม UCL รอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะเดินทางไปต่อในรอบน็อคเอาท์ ที่จะจับสลากประกบคู่กันในวันสองวันนี้ เราไปย้อนดูสถิติน่าสนใจของทีมที่เกิดขึ้นในรอบแบ่งกลุ่มกันบ้าง มีอะไรน่าสนใจตรงไหน

ทีมที่ไม่แพ้ใครเลย

ในรอบแรกนี้จะเป็นการแข่งขันแบบแบ่งกลุ่ม แต่ละทีมจะเล่นคนละ 6 เกม ซีซั่นนี้มีถึง 4 ทีมด้วยกันที่สามารถเข้ารอบด้วยสถานะที่ไม่แพ้ใครเลยตลอดรอบแรกที่ผ่านมา ทีมแรกก็คือบาเยิร์น มิวนิค ตามมาด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ , เชลซี และ ลาซิโอ สามทีมแรกจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม มีเพียงแค่ลาซิโอเท่านั้นที่แม้ว่าจะไม่แพ้ใครเลยตลอดรอบแรกแต่ว่าพวกเค้าต้องจบด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม

ชนะมากที่สุด

ในซีซั่นนี้ รอบแบ่งกลุ่ม ไม่มีใครสามารถทำสถิติชนะรวด 6 นัดได้เลย อย่างดีที่สุด มีเพียงแค่ชนะ 5 เกมเท่านั้นเอง โดยทีมที่สามารถทำสถิตินี้ได้จะมีทั้งหมด 4 ทีมด้วยกัน หนึ่ง บาเยิร์น มิวนิค สอง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามมาด้วย บาร์เซโลน่า และ ยูเวนตุส ตามลำดับ สองทีมหลังนี้มีเรื่องน่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ ทั้งคู่ชนะเท่ากันที่ 5 แพ้เหมือนกัน 1 เกม ทำให้คะแนนเท่ากันด้วย จากสถิติตรงนี้เราขอเล่าต่อเลยว่า ทีมที่ทำคะแนนได้มากที่สุดก็คือ บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำได้เท่ากันที่ 16 คะแนน

เสมอมากที่สุด

เกม UCL ยุคนี้ผลออกเสมอ ถือว่าน้อยมาก เพราะว่าแต่ละทีมคุณภาพค่อนข้างห่างกันเยอะ จะเสมอก็คงเป็นการเจอกันเองของทีมที่อยู่ใกล้เคียงกันแล้วเลือกที่จะเล่นผลเสมอเพื่อเก็บคะแนนไว้ก่อน โดยทีมที่เก็บผลเสมอได้มากที่สุดก็คือ ลาซิโอ เก็บไป 4 เกม ลองลงมาเป็น แอต.

มาดริด, อินเตอร์ มิลาน และ โลโคโมทีฟ มอสโคว์ ที่เก็บไปเท่ากันคนละ 3 เกมตามลำดับ

แชมป์กลุ่ม คะแนนน้อยที่สุด

ด้านบนเราได้พูดถึงไปแล้วว่า แชมป์กลุ่มที่มีคะแนนมากสุดเป็นใคร แต่ในทางกลับกัน ใครเป็นแชมป์กลุ่มที่มีคะแนนน้อยที่สุด คำตอบก็คือ รีล มาดริด ของกลุ่ม บี สถิติชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 เก็บได้เพียงแค่ 10 แต้มเท่านั้นเอง