สรุปผลงานรายการยูโร 2020 ทัพ กังหันสีส้ม เนเธอร์แลนด์

สรุปผลงานรายการยูโร 2020 ทัพ กังหันสีส้ม เนเธอร์แลนด์

ทัพกังหันสีส้มเนเธอร์แลนด์ หรือ ฮอลแลนด์ ถือว่าเป็นทีมที่เจอผลกระทบแบบสองเด้งสำคัญในการเลื่อนศึกยูโรจากปีที่แล้ว มาเป็นปีนี้แบบเต็มๆเลย อย่างแรกพวกเค้าต้องเปลี่ยนกุนซือจากโรนัลด์ คูมัน ที่ขอลาไปคุมบาร์ซา มาเป็นแฟรงค์ เดอ บัวที่มาทำทีมแทน ไม่เท่านั้นในซีซั่นนี้พวกเค้าต้องเสียกองหลังตัวเก่งอย่าง เวอร์กิล ฟานไดค์ จากอาการบาดเจ็บไปอีก ซึ่งหากแข่งปีที่แล้วสองคนนี้ยังอยู่ พวกเค้าอาจจะไม่ได้ร่วงยูโรเร็วแบบนี้ก็เป็นได้ เรามาสรุปผลงานของเค้ากัน

ผลงานในยูโร

กังหันสีส้ม เนเธอร์แลนด์ เริ่มต้นเส้นทางด้วยรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี เพื่อนร่วมกลุ่มก็คือ ออสเตรีย, ยูเครน และมาซิโอเนียเหนือ ดูจากเพื่อนร่วมกลุ่มไม่น่ายาก แล้วก็จริง เนเธอร์แลนด์ผ่านมาได้แบบสบายๆชนะรวดหมดสามเกม มารอบน็อคเอาท์มาเจอกับ สาธารณรัฐเช็ค ต้องยอมรับว่าดูตามหน้าเสื่อพวกเค้าน่าจะผ่านได้ แต่สุดท้ายกลายเป็นความผิดพลาดของผู้เล่นอย่าง เดอ ลิทก์ กองหลังตัวเก่งจากยูเวนตุส ทำให้พวกเค้าเสียเปรียบเรื่องจำนวนคน จนทำให้โดนกดดันแล้วเสียประตูจนต้องแพ้ไป 0-2 น่าคิดเหมือนกันว่า ถ้าเปลี่ยนจาก เดอ ลิทก์ เป็น ฟาน ไดค์ จะพลาดแบบนั้นหรือไม่

นักเตะฟอร์มดี

แม้ว่าจะตกรอบเร็วเกินไปหน่อย แต่ว่าถ้าจะให้ดูว่าใครฟอร์มดี ก็ยังพอให้เห็นอยู่ คนแรกเป็น จอร์จินิโอ ไวน์จนัลดุม กองกลางที่เป็นเหมือนไดนาโม ขับเคลื่อนแผงกองกลางของทีม การครองบอลของเค้าทำให้ทีมได้เปรียบเสมอ อีกคนเป็น เมมฟิส เดปาย ที่ต่อยอดฟอร์มของตัวเองจากสโมสรได้ดี ผลงานทำได้สองประตู สองแอสซิสต์ จากสี่เกม ถือว่าเป็นเรื่องดี สามเป็น ดุมฟรีส์ ที่แจ้งเกิดในทัวร์นี้เลย ผลงานลงเล่นไปสี่เกม ทำไปได้สองประตู หลังจบทัวร์นี้ได้ข่าวว่ามีหลายทีมรุมจีบอยากให้ไปร่วมทีมด้วย

อนาคต

ทีมชุดนี้ต้องยอมรับว่าปั้นกันมาได้ดี ทั้งตัวหลักและตัวสำรอง แต่ว่าตอนนี้ยังต้องสั่งสมประสบการณ์ให้มากกว่านี้เพื่อปิดเกม ครองเกมให้ได้เปรียบ ถ้าทำได้ทัวร์ต่อไปน่าจะไปได้ไกล

ซุปเปอร์ลีค คำที่ ฟีฟ่า กลัวที่สุด

ซุปเปอร์ลีค คำที่ ฟีฟ่า กลัวที่สุด

ช่วงนี้มีข่าวเรื่องของการปรับปรุงระบบการแข่งขัน UCL ออกมาเป็นระยะ ส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ การเข้ามาปรับปรุง เพิ่มโควตาของทีมที่มาจาก 5 ลีคใหญ่ของยุโรป แน่นอนว่าที่ทำแบบนี้ แม้จะต้องโดนก่นด่าจากลีครองของยุโรป แต่สิ่งที่ฟีฟ่า, ยูฟ่า กลัวมากที่สุดในเวลานี้ก็คือคำว่า ซุปเปอร์ลีค ทำไมพวกเค้าถึงกลัว

ซุปเปอร์ลีค คืออะไร

คำว่า ซุปเปอร์ลีค เอาเค้าจริงเป็นคำที่มีมานานมากแล้ว แต่ว่าอยู่ในรูปแบบชื่อที่แตกต่างกันไป ใจความสำคัญของคำนี้ก็คือ การจัดแข่งขันฟุตบอลที่เอาสโมสรชั้นนำของยุโรปมาแข่งขันกัน เพื่อหาผู้ชนะ โดยการจัดแข่งขันนี้จะเป็นการแข่งขันที่สโมสรร่วมทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์กรฟุตบอลโดยรวม

การเสียรายได้มหาศาล

ถามว่า ทำไม ฟีฟ่า และ ทุกองค์กรฟุตบอลต้องกลัวเรื่อง ซุปเปอร์ลีค คำตอบก็คือ พวกเค้ากลัวเสียรายได้มหาศาลที่พวกเค้ารับอยู่ อย่างตอนนี้ ยูฟ่า ทำหน้าที่เกี่ยวกับฟุตบอลชาติเป็นหลัก แต่ระดับสโมสรพวกเค้าจัดการแข่งขัน UCL และ ยูโรป้าลีค ด้วยเหมือนกัน ซึ่งทั้งสองรายการก็ทำรายได้มหาศาลมากแต่ละซีซั่น ลองนึกภาพว่า สโมสรเหล่านั้นไม่มาแข่งขันแล้วไปจัดแข่งขันกันเอง พวกเค้าจะเสียฐานคนดูแฟนคลับ รายได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดไปเท่าไร นึกภาพตามว่า หากมีฟุตบอลแข่งพร้อมกัน คู่หนึ่งเป็น เชลซี เจอกับ แอต.

มาดริด ส่วนอีกคู่เป็น คาบัค เจอกับ แรนส์ เราจะเลือกดูใคร คงไม่ต้องคิด ซึ่งยูฟ่า กับ ฟีฟ่า คงไม่มีทางให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

การห้ามที่อาจจะไม่ได้ผล

จากข่าวที่ออกมา ทางฟีฟ่า และ ยูฟ่า เองก็พยายามจะใช้ทั้งไม้นวมและไม้แข็งในการโน้มน้าวให้ทีมชั้นนำในยุโรปไม่ไปจัดซุปเปอร์ลีคกันเอง แต่มองอีกมุมหนึ่งการห้ามของพวกเค้าที่ยกเรื่องสิทธิ์ของนักเตะที่จะไม่สามารถลงแข่งเกมระดับทีมชาติได้มาเป็นตัวประกัน มันก็อาจจะไม่ได้ผลเท่าไรนัก อย่าลืมว่านักเตะแม้จะอยากติดทีมชาติ แต่ก็ไม่ได้ติดกันทุกคน แล้วถ้าทุกคน เมินการติดทีมชาติเพื่อสนใจการหารายได้ล่ะ ก็เท่ากับว่าตัวประกันเรื่องนี้ไร้ผลเลย แล้วเอาเค้าจริงการห้ามจัดแข่งขันฟุตบอล หากฟ้องศาลไป มันก็อาจจะกลายเป็นถูกตีตกได้เหมือนกัน เพราะการจัดแข่งกีฬากันเองมันไม่น่าจะผิดกฏหมายข้อไหนเลย ก็ต้องดูว่าสุดท้าย ฟีฟ่า ยูฟ่า จะทำได้มากแค่ไหน แต่บอกเลยว่าถ้าห้ามเรื่องนี้ไม่ได้ ยูฟ่าเองเหนื่อยแน่นอน

แมนยูเจอทรานเมียร์ไม่ง่ายอย่างที่คิด

แมนยูเจอทรานเมียร์ไม่ง่ายอย่างที่คิด

เกมเอฟเอคัพรอบที่สี่ ที่ยังช้าอยู่ เนื่องจากหลายคู่ยังไม่สะเด็ดน้ำดี ส่วนหนึ่งเป็นคู่ของวัตฟอร์ด กับ ทรานเมียร์ ที่ต้องไปเตะนัดรีเพลย์อีกครั้งในบ้าน ทรานเมียร์ ปรากฏว่า กลายเป็น ทรานเมียร์ ทำได้ดีกว่ามาก รวมกับวัตฟอร์ดเอง จัดทีมไม่เต็มสูบเท่าไรเพราะต้องเก็บตัวไว้ในลีค กลายเป็น ทรานเมียร์เอาชนะไปได้ 2-1 จากช่วงต่อเวลา จนได้เจอกับแมนยู ฟังดูอาจจะง่ายของแมนยูแต่เชื่อสิเกมนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย

สภาพสนามไม่เป็นใจ
อย่างแรกต้องบอกว่าเป็นเรื่องยากของแมนยูแน่นอน นั่นก็คือ สภาพสนามของทรานเมียร์ ที่บอกเลยว่าสภาพไม่ค่อยดีเท่าไร หากใครได้ดูแค่เพียงไฮโลต์ก็จะเห็นสภาพสนามของทรานเมียร์ที่บางพื้นที่แทบจะไม่มีหญ้าเลย เป็นฝุ่นดิน เละ โคลน ยังไม่รวมกับลมแรง ฝนตกที่อาจจะเกิดขึ้นจนทำให้การคอนโทรลบอลไม่ง่ายอย่างใจคิด หากนักเตะแมนยูปรับตัวไม่ดี อาจจะโดนทีเด็ดสนามจนเล่นขาดๆเกินๆ จนทำไม่ได้ก็เป็นได้

ฟุตบอลเพรสซิ่ง
เกมแบบนี้ของเอฟเอคัพ ว่ากันตามตรงทีมใหญ่ไม่อยากเจอเท่าไร เพราะจะเจอเกมเพรสซิ่งวิ่งสู้ฟัดของทีมรองบ่อนอย่างเต็มสูบ นักเตะเหล่านั้นจะวิ่งเข้าหา บีบ ทุกจังหวะ เข้าถึงเนื้อถึงตัวตลอด ซึ่งนักเตะแมนยูจะไม่ชอบการเล่นแบบนี้เลย ยิ่งลูกตั้งเตะ ลูกกลางอากาศของทรานเมียร์ นี่บอกเลยว่า อย่างเข้ม เล่นเนื้อๆเน้นๆ เบียดชนกันแบบจริงจังมาก ฝั่งแมนยูหากปรับตัวกับสปีดการเข้าเพรสไม่ทันบอกเลยว่า มีโดน

แมนยูกดดันตัวเอง
มองไปที่สภาพทีมแมนยูตอนนี้ ก็เหมือนกับพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกที่มีเรื่องเข้ามาไม่เว้นแต่ละวันทั้งเรื่องในสนาม อาการบาดเจ็บ และเรื่องนอกสนามอีกมากมาย ยิ่งมาเจอกับทีมรองบ่อนแบบนี้อาจจะมองว่าดี แต่จะเป็นแมนยูเองนั้นแหละหากทำประตูไม่ได้หลังผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกไปแล้ว จะมากดดันตัวเองจนเล่นไม่ออกก็เป็นได้เหมือนกัน หวังว่าจะไม่เป็นแบบนั้นนะ

เมสซี่อยู่ ใครล่ะจะลำบาก

เมสซี่อยู่ ใครล่ะจะลำบาก

มาถึงตรงนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ลิโอเนล เมสซี่ จะได้อยู่กับทีมต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ฤดูกาล นั่นทำให้แฟนบอลคงได้เห็นอะไรอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในซีซั่นนี้ แต่ว่าก็ว่าการคงอยู่ของเค้าก็กระทบกับทีมของโรนัลด์ คูมันในซีซั่นที่กำลังจะมาถึงเหมือนกัน เรามาวิเคราะห์กันว่า การอยู่ของเมสซี่ ใครล่ะจะลำบากกันบ้าง
ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
คนแรกที่เรามองว่ามีผลกระทบโดยตรงเลยก็คือ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติบราซิล การเข้ามาของเค้าเป็นการเข้ามาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระเมสซี่ในเกมแดนกลาง มองจากชื่อในกระดาษถือว่ายอดเยี่ยม แต่ว่าในสนามจริงกลับตรงกันข้าม คูตี้ เล่นไม่ได้อย่างที่เราคาดหวังกันไว้เลย เหมือนกับลืมเอาฟอร์มที่เคยระเบิดตอนอยู่ลิเวอร์พูลไปเสียหมด จนต้องย้ายไปเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค แบบยืมตัว แม้จะไม่ได้เล่นดีจนเป็นตัวหลัก แบบที่เค้าจะต้องซื้อ แต่การได้กลับมาบาร์ซาในฐานะทริปเปิ้ลแชมป์ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่สงสัยอยู่ว่า การกลับมาคราวนี้เค้าจะเล่นคู่กับ เมสซี่อย่างไร ในเมื่อ เมส ยังไม่ไป คูตี้ คงเกิดยากเหมือนกัน
อองตวน กรีซมันน์
คนที่สองต้องบอกว่า สถานการณ์ไม่แตกต่างกันเท่าไร อองตวน กรีซมันน์ ดาวยิงฝรั่งเศสที่ถือว่าเป็นตัวอันตรายเมื่อได้เล่นให้กับแอต.มาดริด แต่พอย้ายทีมทุกอย่างก็ทิ้งไว้หมดไม่ได้เอามาด้วยรวมถึงฟอร์มการเล่น ทีนี้การเล่นร่วมกับเมสซี่ ก็ทำให้เจ้าตัวเหมือนสูญเสียความเป็นตัวเองไปจนความมั่นใจหดหายลงไปเยอะ หาก เมสซี่ไป เค้าอาจจะเด่นในแดนหน้าอย่างที่ต้องการ(หลุยส์ ซัวเรสก็ไปด้วย) แต่พอเมสไม่ไป ก็อาจจะทำให้ที่เราคาดว่า ทีมจะดัน กรีซมันน์ มากกว่านี้ก็คงจะไม่ใช่(เรื่องเดียวที่ดูว่าจะดีของเค้าก็คือ หลุยส์ ซัวเรสออกจากทีมไป น่าจะทำให้เค้ามีโอกาสมากขึ้น) ก็ต้องมารอดูเหมือนกันว่า เมสซี่ กับ กรีซมันน์ ทั้งสองคนจะเล่นร่วมกันอย่างไรดีจึงจะเกิดประสิทธิภาพ ให้ได้มากที่สุด

หงส์แดง ลิเวอร์พูล ซื้อตัว ไค ฮาเวิร์ตซ์มีแววล่ม

หงส์แดง ลิเวอร์พูล
หลังจากที่มีข่าวลือออกมาเมื่อปลายปีที่แล้วว่าหงส์แดง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่ยังคงไร้พ่ายมาตลอด มีแนวโน้มสนใจนักเตะหนุ่มดีกรีทีมชาติเยอรมันอย่าง ไค ฮาเวิร์ตซ์ วัย 20 ปี ที่มีประวัติการค้าแข้งตั้งแต่ปี 2013 เข้าร่วมทีมชาติเยอรมันในรุ่นเยาวชนครั้งแรกตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 14 ปี และปัจจุบันค้าแข้งกับสโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น โดยจากข่าวที่ออกมาแจ้งว่าทางลิเวอร์พูลอาจจะใจปล้ำ ทุ่มเงินกว่า 40 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,614 ล้านบาท เพื่อเสริมทัพทีมหงส์แดงให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แต่ข่าวล่าสุด เหมือนทางสโมสรอาจจะต้องเปลี่ยนใจไปหาผู้เล่นอื่นแทน เนื่องจากราคาค่าตัวของไค ฮาเวิร์ตซ์ที่ออกมานั้นมีราคามากถึง 80 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 3,230 ล้านบาท มากกว่าที่เคยตั้งเป้าไว้ถึงสองเท่า โดยสื่อออนไลน์สัญชาติอังกฤษชื่อดังอย่าง The Independent ได้รายงานว่า หงส์แดง ลิเวอร์พูล กล่าวถึงการตั้งราคา 80 ล้านปอนด์ว่าแพงเกินไป และทางสโมสรก็ไม่คิดที่จะซื้อผู้เล่นทีมชาติเยอรมันในราคาที่สูงขนาดนั้น อีกทั้งการซื้อไค ฮาเวิร์ตซ์มาเสริมทีมตอนนี้ก็อาจจะดูเป็นการตัดสินใจที่ไม่ค่อยถูกนัก เพราะตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งสำหรับเขาในทีมผู้เล่นตัวจริง โดยทางสโมสรอาจจะเลือกผู้เตะเน้นที่ฝั่งซ้ายและมีราคาต่ำกว่าแทน แถมตอนนี้แชมป์พรีเมียร์ลีกกำลังลอยลำมาที่หงส์แดงอย่างไม่ต้องลุ้น ยิ่งทำให้เจอร์เกน คล็อปป์ผู้นำทีมลิเวอร์พูล ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบซื้อตัวนักเตะดาวรุ่งอย่างไค ฮาเวิร์ตซ์แต่อย่างใด
แต่ถึงแม้จะมีการอ้างว่าทางลิเวอร์พูลเลือกที่จะซื้อนักเตะที่เน้นความสามารถ มากกว่าซุปเปอร์สตาร์ดาวรุ่งอย่าง ไค ฮาเวิร์ตซ์, คีเลียน เอ็มบัปเป้ หรือจาดอน ซานโช่ แต่ใช่ว่าทางหงส์แดงเองจะไม่กล้าทุ่มเงินให้กับพวกเขา เพราะทางสโมสรเองมีประวัติทุ่มเงินซื้อจนติดห้าการซื้อขายสูงสุดในช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา หากแต่อาจจะเป็นเพราะทางสโมสรเองไม่ได้มีความต้องการตัวไค ฮาเวิร์ตซ์มากพอนั้นเอง
โดยไค ฮาเวิร์ตซ์ถึงแม้จะชวดจากลิเวอร์พูลไป แต่เขาเองก็เป็นนักเตะดาวรุ่งชื่อดังที่ตอนนี้กำลังมองหาสโมสรใหญ่ทางยุโรปรวมถึงบาเยิร์น มิวนิค สโมสรจากบ้านเกิดของเขาเอง

“ซูซานน่า ดินเนจ” ประธานบริหารหญิงคนใหม่แห่ง พรีเมียร์ ลีก


“ซูซานน่า ดินเนจ” พร้อมขึ้นแท่นประธานบริหาร พรีเมียร์ ลีก คนใหม่ หลัง ” ริชาร์ด สกิวดามอร์” จะออกจากตำแหน่งหลังสิ้นปีนี้ ด้วยวัยของเขา 59 ปี ไ
ด้นั่งครองบัลลังในตำแหน่งประธานบริหาร พรีเมียร์ ลีก มานานกว่า 19 ปี และจะหลุดพ้นจากตำแหน่งในเร็ว ๆ นี้ คือในวันที่ 31 ธันวาคมนี้พร้อมกับรับเงินโบนัส 5 ล้านปอนด์
(หรือประมาณ 213 ล้านบาท) ซึ่งบรรดาทีมในศึก พรีเมียร์ ลีก ต่างมอบเงินทีมละ 250,000 ปอนด์ เพื่อตอบแทนที่เขาเป็นฝ่ายดูแลผลประโยชน์ของ พรีเมียร์ ลีก มายาวนานเกือบ 2 ทศวรรษ

สำหรับประวัติการทำงานย่อ ๆ ของ ดินเนจ ประธานผู้บริหารหญิงคนใหม่ ด้วยวัย 51 ปี เคยทำงานให้กับ MTV มายาวนานกว่า 10 ปี ก่อนย้ายมาร่วมงานกับช่อง Discovery ในปี 2009
ทั้งนี้เธอถูกยกย่องให้เป็นผู้บริหารหญิงที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในวงการกีฬาของอังกฤษ แถมยังมีความถนัดเรื่องเทคโนโลยีดิจิตอล ซึ่งเป็นสิ่งที่ พรีเมียร์ ลีก ต้องการในแง่ธุกิจในเวลานี้

ตามรายงานกล่าวว่าเมื่อ ดินเนจ เคลียร์เอกสารกับทาง Discovery เรียบร้อยแล้ว เธอจะเดินทางเข้ามารับตำแหน่งประธานบริหาร พรีเมียร์ ลีก คนใหม่ในวันแรกของปี 2019 ที่จะถึงนี้

เรอัล มาดริด ฟอร์มตกแพ้ต่อเนื่อง ทำสถิติไม่ชนะมา 4 เกมติดแล้ว

เรอัล มาดริด

ผลบอลสเปนล่าสุดของวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ทำฟอร์มไม่ดีเอาซะเลย หลังล่าสุดบุกไปแพ้ อลาเบส 0-1 อีกแล้วส่งผลให้ไม่ชนะทีมใด 4 เกมติดต่อกันทุกรายการ
ส่วน อลาเบส ชัยชนะนัดนี้ทำให้อันดับขึ้นไปรั้งที่ 3 มี 14 แต้มเท่ากับ เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ในศึก ลา ลีกา สเปน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แฟนบอลเรอัล มาดริด ผิดหวังไปตาม ๆ กันกับผลงานของทีมรัก
ที่พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องมา 3 นัดติด จนการแข่งขันนัดล่าสุดที่มีคิวดวลแข้งกับ อลาเบส ก็พ่ายแพ่อีกเช่นเดิม แม้เกมนี้จะมี ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล และ คาริม เบนเซม่า เป็นตัวชูโรงก็ตาม

ไฮไลท์การแข่งขันของเกมนี้ โดยเริ่มเกมมา 5 นาที ราชันชุดขาวทีมเยือนได้ลุ้นก่อน เมื่อ คาริม เบนเซม่า จ่ายไปให้ ดานี่ เซบายอส ยิงด้วยขวาในเขตโทษ แต่บอลไปติดเซฟ เฟร์นานโด ปาเชโก้
เรอัล มาดริด ยังได้โอกาสอยู่ นาทีที่ 16 เบนเซม่า เปิดไปให้ แกเร็ธ เบล เทกตัวโหม่งระยะเพียง 6 หลาข้ามคานออกไป นาทีที่ 28 ยังเป็นราชันชุดขาวที่บุกขึ้นมา แกเร็ธ เบล ยิงด้วยซ้ายระยะไกล
แต่บอลก็ไปติดบล็อคอีก ช่วงท้ายครึ่งแรก รูปเกมแทบไม่มีอะไรให้น่าหวาดเสียวเลย กระทั่งหมด 45 นาทีแรกไปแบบจืด ๆ ด้วยสกอร์ 0-0

ในครึ่งหลัง เรอัล มาดริด ก็ยังคงได้ลุ้นอยู่ นาทีที่ 59 เบล จ่ายไปให้ มาเรียโน่ ดิอาซ ตัวสำรองยิงด้วยขวาไปติดเซฟ ปาเชโก้ นาทีที่ 69 ทีมเยือนลุยต่อ ลูก้า โมดริช จ่ายไปให้ แกเร็ธ เบล ซัดไกลด้วยซ้าย
แต่บอลหลุดกรอบออกไป นาที 77 อลาเบส มีลุ้น เมื่อ โจนาธาน กาเยรี่ จ่ายไปมห้ จอนนี่ โรดริเกซ ยิงด้วยซ้ายไม่ตรงกรอบ แต่ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 กลายเป็นเจ้าถิ่นที่มาได้ประตูชัยจากลูกเตะมุม รูเบน โซบริโน่ โหม่งไปโดน
กูร์กตัวส์ ปัดมาเข้าทาง มานู การ์เซีย โขกซ้ำดาบสองตุงตาข่าย จบเกม อลาเบส เฉือนชนะ เรอัล มาดริด 1-0 เก็บสามแต้มขึ้นมารั้งอันดับ 3 มี 14 คะแนนเท่ากับ เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่าหลังจบการแข่งขันนัดนี้
กับการเฉือนชนะอย่างหวุดหวิดของ อลาเบส ก็ทำเอาแฟนบอลมาดริดผิดหวังในครั้งที่ 4 หรืออาจจะเพราะไม่มีโรนัลโด้ที่คอยทำประตูคว้าชัยให้กับทีม เลยทำให้พ่ายแพ้หลายครั้งหลายคราแฟนบอลของราชันชุดขาว
ก็ต้องมาลุ้นกันอีกที ว่าในนัดหน้าทีมรักจะมีโอกาสคว้าชัยชนะกลับบ้านได้หรือไม่ หลังแข่งไปแล้ว 8 นัด ทำประตูได้ไป 5 ประตูและยังเป็นรองบาร์เซโลน่าคู่ปรับตลอดกาล

หลังเกมนี้หลายคนวิจารณ์ว่าราศึกแชมป์ยุโรปของเรอัล มาดริด หมองสุด ๆ เมื่อยิงประตูไม่ได้ติดต่อกันมา 4 เกมในทุกรายการ ซึ่งไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมานานกว่า 3 ทศวรรษ
ความพ่ายแพ้ต่อ อลาเบส ในศึกลาลีกา คืนวันเสาร์ ของเรอัล มาดริด สร้างสถิติใหม่ที่ไม่น่าจดจำให้กับทีมของ จูเลน โลเปเตกี ผู้จัดการทีมคนล่าสุด โดยไม่มีใครคิดมาก่อนว่าราชันชุดขาวจะไม่สามารถทำประตูใครได้เลยติดต่อกัน
ในทุกรายการ เริ่มจากการแพ้ให้กับเซบีญาสุดช็อค 3-0, เสมอกับแอตเลติโก้ มาดริด 0-0 พ่ายซีเอสเคเอ มอสโก ในแชมเปี้ยนส์ลีก และโดนทีเด็ดทดเจ็บจากอลาเบสในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

ถ้าเอสเซียงมาจริง จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

จากข่าวที่เล็ดรอดออกมาว่า ทางเอสซีจี เมืองทองต้องการดึง มิคาแอล เอสเซียง มิดฟิลด์ตัวรับพันธุ์ดุมาเล่นในตำแหน่งของธนบูรณ์ที่ย้ายออกไปซบตักเชียงรายนั้น ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วดีลนี้จะเป็นจริงหรือแค่ข่าวเต้าออกมาเพื่อสร้างกระแส แต่วันนี้เราขอมโนไปก่อนเลยว่า ถ้าเอสเซียงมาเล่นไทยลีคจริงมันจะเป็นอย่างไรกันบ้าง

ลีคไทยจะเป็นที่จับตามองของสื่อต่างชาติ

สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นหาก มิคาแอล เอสเซียง ได้มาสวมชุดยูนิฟอร์มของกิเลนผยองจริงๆ เชื่อว่าคงเป็นข่าวใหญ่ระดับนานาชาติเลย ถึงแม้ว่า เอสเซียง จะเลยจุด “พีค” ของตัวเองมาพอสมควรแล้ว แต่ชื่อของเค้ายังขายได้เสมอถ้ามาจริงเชื่อว่าต้องมีข่าวบนหนังสือพิมพ์กีฬาระดับโลกอย่าง อีเอสพีเอ็น, เดลี่ เมย์ หรือ สกาย สปอร์ต แน่นอน แต่จะออกว่าอย่างไรอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

การยกระดับเกมการเล่นฟุตบอล

ถึงแม้ว่าจะเลยจุดพีคมากก็ตาม แต่ประสบการณ์และความเก๋าของเค้ายังคงมีอยู่ เชื่อว่าการลงไปเล่นในสนามเค้าคงต้องจริงจัง เต็มที่ สมกับความเป็นมืออาชีพแน่นอน ยิ่งโดนจับตาอย่างนี้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เค้าต้องเค้นฟอร์มให้ดีที่สุดซึ่งมันจะทำให้เกมของไทยพรีเมียร์ลีคนั้นดุเดือด และถูกยกระดับไปอีกขั้นหนึ่ง

การเปิดประตูสู่นักเตะระดับโลก(วัยใกล้เกษียณ)

การมาโกยเงินก้อนสุดท้ายก่อนจะเกษียณตัวเองไปของนักเตะนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ดังนั้นถ้าหาก เอสเซียง มาเล่นที่ไทยลีคจริง ย่อมจะเป็นการแสดงให้นักเตะชื่อดังในวัยใกล้เกษียณหลายคนอยากจะที่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี ให้ลองมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไทยลีค ก่อนจะปลดระวางไป ทีนี้ล่ะ เราอาจจะได้เห็นนักเตะชื่อดังพาเหรดมาเล่นที่ไทยลีคก็ได้ใครจะรู้

พรีเมียร์ลีค ช่วงเวลาหนีตายเริ่มต้นขึ้นแล้ว

sbobet

ตอนนี้พรีเมียร์ลีคได้เดินทางมาถึงประมาณ 2ใน3 จากระยะทางทั้งหมดของฤดูกาลแล้ว แน่นอนว่าทีมแชมป์คงไม่ต้องพูดถึง ยังไงลิเวอร์พูลก็นอนมาแบบไม่มีใครขวางได้ แต้มห่างเกือบ 20 แต้มคงยากที่ไล่ให้ทัน พอหันมาดูพื้นที่โซนท้ายตารางต้องบอกว่า ตอนนี้ช่วงเวลาหนีตายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้วยเหตุผลเหล่านี้

แต้มที่สูสีคู่คี่กันมาก

หากไม่นับ นอริช ซิตี้ ที่ตอนนี้มีเพียงแค่ 17 คะแนน อยู่ห่างโซนปลอดภัยถึง 6 คะแนน ที่เหลือต่างมีคะแนนใกล้กันมาก วัตฟอร์ด, บอร์นมัธ และเวสต์แฮม มีเท่ากันที่ 23 คะแนน วิลล่า กับ ไบร์ทตัน มี 25 คะแนน และ เบิร์นลี่ย 27 คะแนน ช่องว่างอันเล็กน้อยเหล่านี้ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละสัปดาห์ หากไม่อยากโดนทิ้งไว้ข้างล่างต้องรีบทำแต้มฉีกห่างออกไปให้ทัน

เก็บแต้มสะสม

ย้อนกลับไปสัก 5-6 ซีซั่นก่อน หลายทีมช่วงนี้อาจจะไม่จริงจังเท่าไร พวกเค้าคิดว่าหลังเดือน มีนาคม ค่อยไปไล่กวดอีกที แต่ตอนนี้บอกเลยว่าไม่ใช่ แม้ตอนนี้พวกเค้าจะเหลือเกมประมาณ 14 เกมในมือ แต่พวกเค้าก็ต้องพยายามวางแผนเก็บแต้มสะสมให้ได้สม่ำเสมอ เจอทีมใหญ่ชนะไม่ได้ เสมอได้ 1 แต้มก็ยังดี แต่ถ้าเจอทีมกลุ่มใกล้กันต้องชนะเอาไว้ก่อนเพื่อตัดแต้ม หากพวกเค้าเริ่มตอนนี้ พวกเค้าอาจจะลอยตัวรอดตกชั้นก่อนจะปิดฤดูกาลสัก 1-2 เกมก็ได้ ถึงตอนนั้นก็สบายใจแล้ว แต่หากไม่ทำพวกเค้าอาจจะตาลีตาเหลือกมาเล่นฮึดเอาตอนสุดท้ายที่ไม่ทันแล้ว

วัตฟอร์ด ตัวเร่งปฏิกิริยา

อีกหนึ่งทีมที่บอกว่า เค้าเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในกลุ่มที่โซนแดงตกชั้นด้วยกัน นั่นก็คือ วัตฟอร์ด จากเดิมที่จมบ๊วยไม่ชนะใครเลย พอชนะแมนยูได้เท่านั้นแหละ ผลงานกระเตื้องขึ้นมาแบบน่ากลัวมาก 5 เกมหลังสุดเก็บแต้มได้ตลอด เป็นชนะมากกว่าเสมอด้วย ทำให้ตอนนี้จากอมบ๊วยกลายเป็นรองบ๊วยที่มีแต้มจะหลุดจากโซนตกชั้นด้วย พอเห็นวัตฟอร์ดเล่นแบบนี้จากที่เคยจองศาลาว่าตกชั้น ก็ไม่เป็นแบบนั้น ทำให้ทีมอื่นต้องเร่งขึ้นมาถ้าไม่อยากโดนวัตฟอร์ดแซงขึ้นไป

ต่างคนก็ต่างแข่งขัน

ทุกคนอยากได้แชมป์เพราะทุกคนต้องการเป็นที่ 1 คุณเองก็เป็นที่ 1 ได้แค่เข้ามาแทงบอลกับเว็บแทงบอลออนไลน์อันดับ 1 เราคือ sbobet เว็บแทงบอลที่อยู่เครียงข้างคนไทยมาเป็นสิบปี เล่นได้ทุกที่ผ่านมือถือ เล่นง่ายจ่ายจริง

ราชันระบายนักเตะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

ปีนี้ศึกลาลีก้าสเปนถือว่าเป็นอะไรที่คึกคักมากทีเดียว นอกจากบาร์เซโลน่าที่มาประจำอยู่แล้ว รีล มาดริดที่ดูเหมือนฟุบไปตอนนี้กลับฝั่งมาฟอร์มดีด้วยเหมือนกัน รวมถึง เซบีญ่าที่เป็นม้ามืดด้วย ว่ากันที่รีล มาดริด มีข่าวออกมาว่าตอนนี้ทีมต้องจัดการเรื่องเพดานค่าเหนื่อยนักเตะ และ รายได้ให้สมดุลกัน หากคิดจะซื้อนักเตะระดับบิ๊กเนมเข้ามาต้องระบายออกไปก่อนเพื่อเลี่ยงกฎการเงินพูดน่ะมันง่าย แต่เอาจริงการระบายออกไม่ง่ายเลยเพราะอะไร
ซื้อมาแพง ขายขาดทุนมากไม่ได้
ทีมรีล มาดริดถือว่าเป็นทีมที่มีเงินมากสุดแห่งหนึ่งของโลก สถานะทางการเงินแข็งโป๊กเลย นั่นทำให้หากรีล มาดริดซื้อใครก็ตามต้องโดนโก่งราคาตามคาดเลย ราคาจะแพงขึ้นไปอย่างน้อย 30% ของราคาประเมินจากตลาด ถ้าซื้อแล้วดีก็ดีไป แต่ถ้าซื้อแล้วไม่ดีจะขายออกไปมันจะยากมากเลยทีเดียว ซื้อมาแพงจะขายถูกแบบยอมขาดทุนมากก็ไม่ได้เพราะถ้าขาดทุนมากเกินไปจะยิ่งทำให้รีล มาดริดมียอดติดลบมากเกินไปจนทำให้โดนกฎการเงินเล่นงานได้
นักเตะไม่ได้ลงสนาม
นอกจากนั้นนักเตะที่ซื้อมาแล้วไม่สามารถแทรกลงตัวจริงได้ พวกเค้าก็มีโอกาสลงสนามน้อย พอลงสนามน้อยก็มีโอกาสพัฒนาฝีเท้าน้อย และไม่ค่อยมีคนเห็นเท่าไร ผลก็คือ ไม่ค่อยมีใครอยากซื้อตัวเท่าไร นักเตะที่ไม่ค่อยได้ลงสนาม สนิมมันจะเกาะเท้าจนลงแข่งจริงจะจับจังหวะได้ยาก พอเป็นแบบนี้ทีมที่จะซื้อก็ไม่อยากเสี่ยง ไปซื้อนักเตะที่ลงสนามบ้างพอได้เห็นฝีเท้าจะดีกว่า
ปล่อยยืมแล้วรอขายขาดลดราคา
จากสถานการณ์ดังกล่าว หากรีล มาดริดต้องการระบายนักเตะที่ไม่ได้ใช้งานออกไป หรือไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมก็ต้องยอมตัดใจขายราคาถูกไป หรือไม่ก็เลือกใช้ทางที่สองคือปล่อยยืมให้นักเตะไปลงเล่น แล้วพ่วงสัญญาซื้อขายราคาถูกไปแบบลดราคา แบบนี้นักเตะที่โดนยืมไปก็น่าจะโอเคตั้งใจเล่นกันมากขึ้น เพราะถ้าเล่นแล้วมีโอกาสโดนขายขาดออกไปเจ้าตัวก็ได้ลงเล่นด้วย น่าจะวิน-วินทั้งสองฝ่าย